จากแนวความคิดการบริหารงานของนักวิชาการต่าง
ๆ ที่ได้ในความหมายของการบริหารเอาไว้ ณรงค์ นันทวรรธนะ[1]ให้ความเห็นว่าการบริหารนั้นมีองค์ประกอบ
3
ประการ คือ
1.
เป้าหมาย (Goal)
2.
ปัจจัยการบริหาร (Factor of
Management)
3.
ลักษณะของการบริหาร (Management
Style)
1. เป้าหมาย (Goal)
หรือวัตถุประสงค์ที่แน่นอนในการบริหารองค์กร
ผู้บริหารจะต้องมีการกำหนดทิศทางหรือวัตถุประสงค์ของการทำงานไว้ชัดเจน
2. ปัจจัยในการบริหาร (Factor of Management) โดยทั่วไปแล้วปัจจัยในการบริหารที่เป็นพื้นฐานมี
5 ประการ คือ
1.1 คน (Men) การบริหารกำลังคน จะใช้คนอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลกับงานให้มากที่สุด
1.2 เงิน (Money) การบริหารเงิน
จะจัดสรรเงินอย่างไรให้ใช้จ่ายต้นทุนน้อยที่สุดและให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
1.3 วัสดุ (Material) การบริหารวัสดุในการดำเนินงาน
ว่าจะทำอย่างไร้ให้สิ้นเปลืองน้อยที่สุด หรือเกิดประโยชน์สูงสุด
1.4 เทคนิควิธี (Method)จะใช้เทคนิควิธีการแบบใด
ที่สามารถสนับสนุนให้การบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.5 เครื่องมือ(Machine)ในการบริหารงานจะใช้เครื่องมือ
เครื่องจักรประเภทใด ขนาดใดหรือแบบใดที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารงาน
อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานของการบริหาร 5 ประการที่กล่าวมานี้ อาจจะยังไม่เป็นการเพียงพอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันกันรุนแรงทุกด้าน
3.ลักษณะของการบริหาร(Management Style)การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และทั้งศิลป์ที่ผู้บริหารจะต้องนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อองค์กร จนมีคำกล่าวที่ว่า“ที่ใดมีผู้นำที่ดี ที่นั่นก็จะมีความสำเร็จ”
��ชG _ � � �o (�* ��ยกแตกต่างกันไปตามยุคสมัย
และเกิดจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ปัจจัยภายนอก เช่น
กระแสโลกหรืออิทธิพลของประเทศมหาอำนาจที่แพร่กระจายหรือส่งออกแนวทางหรือวิธีการบริหารงาน
โดยส่วนหนึ่งเข้ามาทางวิชาการหรือตำราหนังสือที่นักวิชาการได้รับอิทธิพลหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ
ส่วนปัจจัยภายใน เช่น หัวหน้ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญหรือยึดถือแนวทางหรือวิธีการใด
ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ในสมัยที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้นำคำว่า
"การพัฒนา" มาใช้กันอย่างแพร่หลาย
ขณะที่สมัย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นำคำว่า "การบริหารจัดการ"
มาใช้
แนวทางหรือวิธีการบริหารงานที่หน่วยงานภาครัฐนำมาใช้นั้น
มีวิวัฒนาการพอสรุปได้ว่า ก่อนที่จะใช้คำว่า การบริหารการพัฒนา (Development
administration) มีคำหลายคำที่รัฐบาลได้นำมาใช้ เช่น
-
การบริหารราชการแผ่นดินหรือการบริหารภาครัฐ(Public
administration)
-
การบริหาร (Administration)
-
การพัฒนา (Development)
-
การพัฒนาชุมชน (Community
development)
-
การพัฒนาชนบท (Rural
development)
จากนั้น
จึงมาใช้คำว่า การบริหารการพัฒนา (Development administration) และยังใช้คำอื่น เป็นต้นว่า
-
การพัฒนาแบบยั่งยืน (Sustainable
development)
-
การพัฒนาแบบพอเพียง (Sufficient
development)
-
การพัฒนาแนวพุทธ (Buddhistic
development)
-
การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good
governance)
-
การจัดการ (Management)
-
การบริหารและการจัดการ (Administration
and management)
ในบางรัฐบาล ใช้คำว่า
“การบริหารจัดการ” (Management
Administration) มาใช้อย่างแพร่หลาย และในอนาคต อาจเกิดคำว่า
การบริหารการบริการ (Service Administration) ขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้มีความเห็นว่า ไทยได้ผ่านพ้นสภาพที่เป็นประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศกำลังพัฒนามาแล้ว
และกำลังจะก้าวไปสู่สภาพของประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงก็ตาม
แต่แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนา ยังไม่หมดสิ้นไปได้ เพราะในสภาพความเป็นจริง
ทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยยังคงมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาตราบใดที่การพัฒนายังมีความหมายครอบคลุมถึงการเปลี่ยนไปสู่สภาพที่ดีขึ้น
(Change
for the better) ด้วย
อาจกล่าวได้ว่า
แนวคิดหรือลักษณะสำคัญของแนวทางหรือวิธีการบริหารใด ๆ ก็ตาม
ซึ่งรวมทั้งการบริหารการพัฒนา ไม่อาจกำหนดได้อย่างชัดเจนและตายตัวเหมือนกับการให้ความหมายของคำทั้งหลายในทางสังคมศาสตร์ที่ขึ้นอยู่กับความรู้
ความคิด และประสบการณ์ของนักปรัชญา
ผู้รู้
นักวิชาการ นักกฎหมาย และนักบริหาร แต่ละคน อย่างไรก็ดี
การบริหารการพัฒนามีลักษณะสำคัญ 4 ประการ ดังจะได้กล่าวต่อไป
โดยอาจเรียกว่า การบริหารจัดการ หรือการบริหาร และในอนาคตอาจเรียกเป็นอย่างอื่นได้
แนวคิดบริหารการพัฒนานั้น แพร่หลายอย่างมากในประเทศกำลังพัฒนา
ซึ่งรวมทั้งในเอเชีย
สำหรับประเทศไทยได้นำแนวคิดนี้มาปรับใช้อย่างแพร่หลายในช่วงที่เน้นการพัฒนาประเทศและการพัฒนาชนบท
บทความนี้แบ่งการนำเสนอเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แนวคิดและความหมาย
รวมทั้งความสำคัญของการบริหารการพัฒนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
โปรดระบุชื่อ สกุล และ e-mail