ในทางสังคมศาสตร์
เป็นธรรมดาที่การแสดงแนวคิดหรือการให้ความหมายของคำใดคำหนึ่ง
ย่อมหลากหลายและแตกต่างกันเป็นส่วนใหญ่
ไม่ว่าผู้แสดงแนวคิดหรือผู้ให้ความหมายมีประสบการณ์หรือมีพื้นฐานการศึกษาในสาขาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม
การให้แนวคิดและความหมายของการบริหารการพัฒนาก็มีลักษณะเช่นว่านี้เหมือนกัน
คำว่า การบริหารการพัฒนา
นั้น เขียนเป็นภาษา อังกฤษได้ว่า Development Administration หรือ administration of Development เนื่องจากเป็นการให้ความหมายของคำในทางสังคมศาสตร์
จึงควรทำความเข้าใจเรื่องการให้ความหมายของคำหรือถ้อยคำในทางสังคมศาสตร์ก่อน กล่าวคือ
จึงควรทำความเข้าใจเรื่องการให้ความหมายของคำหรือถ้อยคำในทางสังคมศาสตร์ก่อน กล่าวคือ
“ศาสตร์” มาจากคำว่า “science” ซึ่งมิใช่หมายความว่า “วิทยาศาสตร์” เท่านั้น แต่ยังหมายถึง วิชาความรู้ หรือความรู้ที่เป็นระบบที่มีรากฐานมาจากการสังเกต
ศึกษา ค้นคว้า และทดลอง ตรงกันข้ามกับ สัญชาติญาณ หรือการรู้โดยความรู้สึกนึกคิด
หรือการรู้โดยความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองในใจ (Intuition) คำว่า
ศาสตร์ นั้น แบ่งเป็น 2 แขนงใหญ่ ๆ (Branch) คือ สังคมศาสตร์ (Social science) และศาสตร์ธรรมชาติ
(Natural science)
ในทางสังคมศาสตร์
ซึ่งหมายถึง ความรู้ที่เป็นระบบที่เกี่ยวกับสังคม ครอบคลุมศาสตร์ (Science) ด้านศาสนา การศึกษา นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นต้น
ศาสตร์เหล่านี้ไม่เป็นสูตรสำเร็จที่ใช้ได้ทุกหนทุกแห่ง และไม่อาจเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้ง่าย
เหตุผลสืบเนื่องมาจากการเป็นวิชาความรู้ที่มีลักษณะไม่ตายตัว
เกี่ยวข้องกับความรู้สึกนึกคิด การคาดการณ์ คาดคะเน หรือการคาดว่าจะเป็น
อีกทั้งอคติของผู้ให้ความหมายความสามารถเข้าไปสอดแทรกอยู่ในความหมายที่ให้
รวมทั้งไม่อาจสัมผัสพิสูจน์และตรวจสอบได้ง่าย
นอกจากนี้ ทฤษฎีทางสังคมศาสตร์เป็นจำนวนมากมีลักษณะที่เรียกว่า ทฤษฎีปทัสถาน
(Normative
theories) ซึ่งเป็น ทฤษฎีที่สังคมหรือกลุ่มกำหนดเป็นเกณฑ์กลางสำหรับให้สมาชิกอ้างอิงหรือถือปฏิบัติโดยยึดอ้างอิงเหตุผลต่างๆ
เพื่อบรรลุเป้าหมาย
ดังเช่น
ทฤษฎีเทวสิทธิ์ ทฤษฎีพฤติกรรมศาสตร์ ตลอดจนทฤษฎีหรือแนวคิดประชาธิปไตย
หรือแนวคิดการแบ่งแยกการใช้อำนาจ เป็นต้น ลักษณะของศาสตร์ทางสังคมศาสตร์แขนง (Branch) นี้ ค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง คือ ศาสตร์ธรรมชาติ (Natural
science) ซึ่งหมายถึง ความรู้ที่เป็นระบบเกี่ยวกับธรรมชาติและโลกทางวัตถุที่ชัดเจนและจับต้องได้
เช่น เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ พฤกษศาสตร์ และธรณีวิทยา ที่มีลักษณะแน่นอน ตายตัว
สัมผัสได้ เป็นระบบ ทดสอบและพิสูจน์ได้ง่ายกว่าศาสตร์แขนงแรก
รวมทั้งอคติของผู้เกี่ยวข้องเข้าไปสอดแทรกได้ยาก ศาสตร์ธรรมชาตินี้สอดคล้องกับแนวคิดของทฤษฎีที่แน่นอนชัดเจน
(Positive theories) ดังเช่น ทฤษฎีเส้นตรงทางเรขาคณิต
และทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ เป็นต้น
การให้ความหมายของคำในทางสังคมศาสตร์ไม่อาจให้ความหมายได้อย่างแน่นอน
ตายตัว จนเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้ง่าย เหตุผลสำคัญสืบเนื่องจากธรรมชาติของลักษณะวิชา
ซึ่งแตกต่างจากศาสตร์ธรรมชาติดังกล่าว รวมทั้งขึ้นอยู่กับความรู้ ความคิด
และประสบการณ์ของผู้ให้ความหมายแต่ละคน ดังนั้น
จึงควรหลีกเลี่ยงหรือไม่ควรมาเสียเวลาถกเถียงกันในเรื่องการให้ความหมายของคำแต่ละคำว่าความหมาย
ในส่วนนี้มุ่งศึกษาแนวคิดและความหมายของการบริหารการพัฒนา
ทั้งของต่างประเทศ และของไทยรวมกันไป โดยมีทั้งนักการศึกษาชาวไทยและต่างประเทศ
ดังนี้
จอร์จ เอฟ.
แก้นท์ [1](George F.
Gant) นักวิชาการชาวอเมริกันอธิบายแนวคิดและความหมายของการบริหารการพัฒนา
(Development administration) เป็นคนแรก ๆ
โดยมีประสบการณ์มาจากการปฏิบัติงานที่ Tennessee Valley Authority (TVA.) ว่า การบริหารการพัฒนาเป็นคำที่ให้ความสำคัญกับหน่วยงานระบบการจัดการ
และกระบวนการต่าง ๆ
ซึ่งรัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการพัฒนา พร้อมกันนี้
การบริหารการพัฒนายังเป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่กำหนดให้เกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ
ของการพัฒนาเพื่อทำการเชื่อมโยงและทำให้วัตถุประสงค์ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจของชาติประสบผลสำเร็จ
นอกจากนี้การบริหารการพัฒนายังช่วยปรับให้ระบบราชการและบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานราชการต่าง
ๆ ตอบสนองต่อการพัฒนาอีกด้วย ดังนั้น การบริหารการพัฒนาจึงหมายถึง การบริหารนโยบาย
แผนงาน และโครงการต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนา
การบริหารการพัฒนาของ Gant แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. การบริหารงานภายใน (Internal administration) หมายถึงว่าการบริหารงานใด
ๆ มีความจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีองค์การบริหารงานนั้น ๆ
สามารถเป็นกลไกการบริหารที่ดีเสียก่อน
จึงจำเป็นจะต้องจัดการภายในองค์การให้ดีให้มีประสิทธิภาพที่สุดซึ่งอาจทำได้ด้วยการจัดองค์การการบริหารงานบุคคลงานคลัง
งานวางแผน การตัดสินใจ ฯลฯ อันเป็นสาขาย่อยของรัฐประศาสนศาสตร์ให้ดีที่สุด
2. การบริหารงานภายนอก (External
administration) ครอบคลุมถึงเรื่องต่าง ๆ
ที่หน่วยงานนั้นติดต่อกับปัจจัยนอกทั้งหมด ทั้งนี้ด้วยการที่ค้นพบว่า
ในการบริหารงานนั้น มิใช่แต่จะมุ่งถึงประสิทธิภาพของการบริหารภายในองค์การอย่างเดียว
เพราะองค์การมีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนให้เป็นผลสำเร็จอย่างดีที่สุด
ซึ่งหมายถึงว่า นอกเหนือไปจากการจัดการภายในที่ดีแล้ว
ยังต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในการหาลู่ทางที่ดีติดต่อกับปัจจัยภายนอกอื่น ๆ
ให้ปัจจัยเหล่านั้นมาร่วมมือกับองค์การของตนเพื่อช่วยให้งานที่ได้รับมอบหมายสัมฤทธิผล
ความสามารถในเชิงบริหารขององค์การที่จะบริหารปัจจัยภาย นอกนี้
มีผลเกี่ยวกับความเป็นตายขององค์การส่วนมาก
เพราะองค์การบริหารต้องมีส่วนปฏิบัติการติดต่อกับคนหรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ
ด้วยกันแทบทั้งนั้น
เออร์วิง
สเวิดโลว์ [2](Irving
Swerdlow) นักวิชาการชาวอเมริกันอธิบายว่า การบริหารการพัฒนา หมายถึง
การบริหารในประเทศที่ยากจนหรือประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย
ทั้งนี้เพราะการบริหารราชการในประเทศด้วยพัฒนา ย่อมมีความแตกต่างกันกับการบริการราชการในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ซึ่งอาจพิจารณาและสังเกตเห็นได้จากลักษณะของความแตกต่างกันหลายแง่หลายมุม อาทิ
พิจารณาจากลักษณะและแบบแผนของการบริหาร บทบาทของรัฐบาลและบทบาทของข้าราชการ
เป็นต้น ประเทศที่ยากจนทั้งหลายมีลักษณะพิเศษหลายประการซึ่งทำให้รัฐบาลต้องมีบทบาทแตกต่างกัน
ลักษณะนี้และบทบาทของรัฐดังกล่าว ทำให้การทำงานของนักบริหารมีลักษณะแตกต่างออกไป
ในที่ใดก็ตามที่มีความแตกต่างนั้นอยู่
การบริหารรัฐกิจจะต้องถือได้หรือเรียกได้ว่าเป็นการบริหารการพัฒนา
เมิร์ล เฟนสอด
[3](Merle
Fainsod) นักวิชาการชาวอเมริกันได้ให้แนวคิดหรือความหมายของการบริหารการพัฒนาว่า
โดยปกติ
การบริหารการพัฒนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างกลไกเพื่อการวางแผนให้เกิดความเจริญเติมโตทางเศรษฐกิจ
การระดมและจัดสรรจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้เกิดการแผ่ขยายรายได้ของชาติ จะเห็นได้ว่า
การบริหารการพัฒนาตามความคิดของ Fainsod เกี่ยวข้องอย่างมากกับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ
พอล มิวโดส์ [4](Paul Meadows)
นักวิชาการชาวอเมริกันอธิบายว่า
การบริหารการพัฒนาถือได้ว่าเป็นการจัดการทางภาครัฐบาลในเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐที่กำหนดไว้
นักบริหารการพัฒนาจึงเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนำการเปลี่ยนแปลง
แฮร์รี่ เจ.
ฟรายด์แมน [5](Harry J.
Friedman) นักวิชาการชาวอเมริกันอีกคนหนึ่งอธิบายว่า การบริหารการพัฒนาประกอบด้วยปัจจัย
2 อย่าง คือ
1. การปฏิบัติงานตามแผนงาน
ต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไว้เพื่อก่อให้เกิดความทันสมัย (Modernity)
2. การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ภายในระบบบริหารเพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานตามแผนงานต่าง ๆ ดังกล่าว
จอห์น ดี.
มอนโกเมอรี่ [6](John D.
Montgomery) นักวิชาการชาวอเมริกัน กล่าวว่า การบริหารการพัฒนาเป็นเรื่องของการปฏิบัติตามแผนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
และสังคมของรัฐ โดยปกติ จะไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามเพิ่มความสามารถทางการเมือง Montgomery มีความคิดว่า
การบริหารการพัฒนาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นหลัก
เอ็ดเวิร์ด
ดับบลิว. ไวด์เนอร์ (Edward
W. Weidner) นักวิชาการชาวอเมริกันกล่าวไว้ว่า การบริหารการพัฒนา
หมายถึง การปรับมรรควิธี (Means) ของการบริหารให้เข้ากับจุดมุ่งหมายต่าง
ๆ ของแผนงานของรัฐบาล ซึ่งก่อนอื่น
ต้องทราบถึงความต้องการของรัฐบาลว่ามีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาอย่างไรก่อน แล้วจึงนำการบริหารมาช่วยปฏิบัติการให้สำเร็จผลตามความมุ่งหมายนั้น
นอกจากนี้ Weidner ได้แบ่งการบริหารการพัฒนา เป็น 2 ส่วน คือ
กระบวนการ และความรู้ทางวิชาการ (Area of study)
1. ส่วนที่เป็นกระบวนการนั้น
Weidner มีความเห็นว่าการบริหารการพัฒนาเป็นกระบวนการบริหารงานของรัฐบาลที่นำองค์กรไปสู่การประสบความสำเร็จ
ตามวัตถุประสงค์ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
ซึ่งวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ถูกกำหนดโดยผู้มีอำนาจหน้าที่ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
2. ส่วนที่เป็นความรู้ทางวิชาการ
Weidner มองว่า การบริหารการพัฒนาเป็นเรื่องของการศึกษาหาความรู้ทางวิชาการ
เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารรัฐกิจที่มุ่งแสวงหาความรู้ในเรื่องบางเรื่อง
และเรื่องดังกล่าวจะเป็นที่ยอมรับกันได้มากน้อยเพียงใดนั้น
ย่อมขึ้นอยู่ความศรัทธาของบุคคล กลุ่มบุคคลและประเทศนั้น ๆ
เฟรด ดับบลิว
ริกส์ [7](Fred W.
Riggs) นักวิชาการชาวอเมริกันมีความเห็นว่าการบริหารการพัฒนามีความหมายที่สำคัญ
2 ประการ คือ การบริหารการพัฒนาหมายถึง
1. การบริหารแผนงานพัฒนา (Development programs) ทั้งหลายด้วยวิธีการต่าง
ๆ ขององค์การขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยของของรัฐบาล
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแผนที่กำหนดขึ้นซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการพัฒนา
(Developmental objectives) การเสริมสร้างสมรรถนะของการบริหาร
2. การเพิ่มสมรรถนะของการบริหารด้วย
ซึ่งหมายความว่า การบริหารการพัฒนาจะสมบูรณ์ได้นั้น จะต้องคำนึงถึงสมรรถนะของการบริหาร
คือ ต้องทำให้เข้มแข็งขึ้นด้วย และเมื่อการบริหารงานมีสมรรถนะเพิ่มมากขึ้น
ก็จะเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ทำให้การพัฒนาบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้
ความคิดเห็นของ Riggs
ดังกล่าวนี้เป็นการให้ความหมายของการบริหารการพัฒนาที่ครอบคลุมเรื่องการพัฒนาการบริหารหรือเพิ่มพูนสมรรถนะของระบบบริหารด้วย
ชู เช็ง สู [8](Shou-Sheng
Hsueh) เป็นนักวิชาการที่เกิดในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อธิบายว่า
การบริหารการพัฒนามิใช่การบริหารชนิดใหม่ ซึ่งแยกออกมาจากการบริหารรัฐกิจ
ในความหมายอย่างกว้าง แต่การบริหารการพัฒนาเป็นการบริหารที่ยึดจุดมุ่งหมาย (Goal-oriented)
เป็นหลักและต้องการที่จะเน้นหนักบทบาทเฉพาะอย่างของการบริหาร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทที่เกี่ยวกับการบริหารเพื่อการพัฒนา (Administration
for Development)
ฮัน บีน ลี [9](Hahn-Been
Lee) นักวิชาการชาวเกาหลีใต้กล่าวว่า การบริหารการพัฒนาเป็น
การเพิ่มสมรรถนะ (Capability) ของระบบบริหารที่จะรับมืออย่างไม่หยุดยั้งกับปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสังคม
ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทางในการสร้างความก้าวหน้าทางการเมือง เศรษฐกิจ
และสังคม
โจเซ่ เวลโลโซ
อบูวา [10](Jose Veloso
Abueva) นักวิชาการชาวฟิลิปปินส์ “มีข้อสันนิษฐาน
(assumption) ว่า การบริหารการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การบริหารแผนงานพัฒนาต่างๆ
ที่ประสบผลสำเร็จได้นั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาการบริหาร (Administrative
Development) ดังนั้น การบริหารการพัฒนา
จึงเป็นการเพิ่มความสามารถของระบบการเมืองหรือของรัฐของประเทศใดประเทศหนึ่ง
เพื่อดำเนินการตามที่ได้ร่วมกันตัดสินใจไว้แล้ว นอกจากนั้น
ยังได้ให้คำจำกัดความของการบริหารการพัฒนาว่า หมายถึง
การบริหารแผนงานพัฒนาทั้งหลายในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
รวมทั้งการปรับปรุงแผนงานต่าง ๆ ขององค์การและการบริหารระบบราชการซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาชาติ
บี. เอส.
คาร์นา [11](B.S. Khanna) นักวิชาการชาวอินเดีย มีความคิดเห็นว่า
การบริหารการพัฒนาเป็นการบริหารที่มุ่งดำเนินงานพัฒนาในด้านเศรษฐกิจ สังคม
และการเมือง ซึ่งริเริ่มโดยชนชั้นผู้นำและประชาชนกลุ่มต่าง ๆ
จูเย็น ดู ชวน
[12](Nguyen-Duy
Xuan) นักวิชาการชาวเวียดนามอธิบายว่า การบริหารการพัฒนา หมายถึง
การบริหารบรรดาแผนงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นแผนงานที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้บรรลุวัตถุ
ประสงค์ในการสร้างชาติ และเพื่อสนับสนุนให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจ-สังคม
การบริหารการพัฒนาจะประสบผลสำเร็จได้ จะต้องดำเนินงาน 2 ประการ
คือ
1. จัดให้มีการฝึกอบรมแก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม
และ
2. ปรับปรุงองค์การบริหารทั้งหลายที่มีอยู่
และจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อปฏิบัติงานตามแผนงานพัฒนาต่าง ๆ
ประการแรกนั้น
ถือว่า การบริหารการพัฒนา หรือ Development Administration คือ
การบริหารงานหรือการบริหารราชการในประเทศด้อยพัฒนาที่มุ่งมั่นที่จะดำเนินการพัฒนา
ดังที่เขียนในภาษาอังกฤษ ว่า administration in poor developed countries
which are committed to development
ประการที่ 2 การบริหารการพัฒนา ได้แก่
การบริหารเพื่อการพัฒนาหรือการบริหารตามโครงการพัฒนาของประเทศ หรือ administration
indevelopment or administra tion of a program of national development ตามความเข้าใจอย่างง่าย ๆ ทั่ว ๆ ไป
ปฐม มณีโรจน์ [14]ไม่ได้ให้ความหมายของการบริหารการพัฒนาไว้โดยตรง
แต่ได้กล่าวถึงแนวคิดของการบริหารการพัฒนา ว่า
แนวคิดนี้ได้สำรวจพิจารณากันมาอย่างค่อนข้างละเอียดแล้วในข้อเขียนทั้งภาษาต่างประเทศและภาษาไทย
คำนิยามที่มีผู้ให้ไว้ต่าง ๆ
กันก็มีพิสัยครอบคลุมตั้งแต่ที่หมายถึงการบริหารรัฐกิจของประเทศด้วยพัฒนา
จนถึงการบริหารขององค์การ โครงการ หรืองานใด ๆ ที่มีลักษณะเกี่ยวข้อง
หรือเป็นงานพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่มีความเจริญในระดับใด โดยปรกติจะเป็นงานที่มีลักษณะบุกเบิก
มีการใช้ความคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์สูง
และเกี่ยวพันกับปัจจัยหรือตัวแปรนานาชนิดที่มีลักษณะพลวัต
และไม่แน่นอนสูงกว่าการบริหารในองค์การธรรมดา
อนันต์
เกตุวงศ์ [15](2523;27) ให้ความหมายการบริหาร ว่า เป็นการประสานความพยายามของมนุษย์ (อย่างน้อย 2
คน) โดยเขามีความเห็นว่า นักวิชาการส่วนใหญ่ถือว่า
การบริหารการพัฒนามีขอบเขต ครอบคลุมไปถึงการเมืองด้วย
และบางคนมีแนวคิดกว้างมากถึงขนาดที่กล่าวว่าการบริหารการพัฒนาหมายถึงการบริหารการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น
ไม่ว่าจะกระทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เป็นไปตามนโยบายและแผน
ย่อมถือว่าอยู่ในขอบเขตของการบริหารการพัฒนาทั้งสิ้น
โดยมีขอบเขตทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการบริหาร ฉะนั้น
การบริหารการพัฒนา จึงย่อมหมายถึง การบริหารของงานพัฒนา
หรือการนำเอาโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ไปดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จ รวมทั้งการพัฒนาการบริหาร
หรือการทำให้การบริหารมีขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น และอาจเขียนเป็นรูปสมการดังนี้
Administration of Development (การบริหารเพื่อการพัฒนา)
+
Development of Administration (การพัฒนาการบริหาร)
=
Development Administration (การบริหารการพัฒนา)
หรือ
DA
= A of D + D of A
อุทัย
เลาหวิเชียร [16]เขียนบรรยายถึง การบริหารการพัฒนา ว่าหมายถึง หน่วยงานทางราชการ
หรือกระบวนการของรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบริหารกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนา
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การบริหารการพัฒนาจะช่วยให้กลไกต่าง ๆ ของรัฐเชื่อมโยงส่วนต่าง
ๆ ของงานพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ
การบริหารการพัฒนาตามแนวคิดของ
อุทัย เลาหวิเชียร
นั้นยังมีความหมายรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและการควบการบริหารโดยประชาชนหรือผู้รับบริการด้วย
สมพงศ์ เกษมสิน [17]ในปี พ.ศ. 2514 มีความเห็นว่า การบริหาร หมายถึง
การใช้ศาสตร์และศิลป์นำเอาทรัพยากรบริหาร (administrative resource) เช่น คน เงิน วัสดุสิ่งของ และการจัดการ มาประกอบการตามกระบวนการบริหาร (process
of administration) เช่น POSDCoRB Model ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไพบูลย์ ช่างเรียน [18]ในปี พ.ศ. 2532 ให้ความหมายการบริหารว่า หมายถึง
ระบบที่ประกอบไปด้วยกระบวนการในการนำทรัพยากรทางการบริหารทั้งทางวัตถุและคนมาดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ติน ปรัชญพฤทธิ์ ในปี พ.ศ. 2535 มองการบริหารในลักษณะที่เป็นกระบวนการโดยหมายถึงกระบวนการนำเอาการตัดสินใจ
และนโยบายไปปฏิบัติ
ส่วนการบริหารรัฐกิจหมายถึงเกี่ยวข้องกับการนำเอานโยบายสาธารณะไปปฏิบัติ [19]
บุญทัน ดอกไธสง ในปี พ.ศ. 2537 ให้ความหมายว่า การบริหาร คือ การจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของบุคคล
องค์การ หรือประเทศ หรือการจัดการเพื่อผลกำไรของทุกคนในองค์การ[20]
สมพงศ์
เกษมสิน [21](2523:5-6) กล่าวไว้ว่า คำว่า การบริหารนิยมใช้กับการบริหารราชการ
หรือการจัดการเกี่ยวกับนโยบาย ซึ่งมีศัพท์บัญญัติ ว่า รัฐประศาสนศาสตร์ (Public
administration) และคำว่า การจัดการ (Management) นิยมใช้กับการบริหารธุรกิจเอกชน หรือการดำเนินการตามนโยบายที่กำหนดไว้
สมพงศ์ เกษมสิน ยังให้ความหมายการบริหารไว้ว่า
การบริหารมีลักษณะเด่นเป็นสากลอยู่หลายประการ ดังนี้
1. การบริหารย่อมมีวัตถุประสงค์
2. การบริหารอาศัยปัจจัยบุคคลเป็นองค์ประกอบ
3. การบริหารต้องใช้ทรัพยากรการบริหารเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน
4. การบริหารมีลักษณะการดำเนินการเป็นกระบวนการ
5. การบริหารเป็นการดำเนินการร่วมกันของกลุ่มบุคคล
6. การบริหารอาศัยความร่วมมือร่วมใจของบุคคล
กล่าวคือ ความร่วมใจ (Collective mind) จะก่อให้เกิดความร่วมมือของกลุ่ม
(Group cooperation) อันจะนำไปสู่พลังของกลุ่ม (Group
effort) ที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์
7. การบริหารมีลักษณะการร่วมมือกันดำเนินการอย่างมีเหตุผล
8. การบริหารมีลักษณะเป็นการตรวจสอบผลการปฏิบัติงานกับวัตถุประสงค์
9. การบริหารไม่มีตัวตน
(Intangible) แต่มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์
สมยศ นาวีการ[22](2522 : 6 )อีกลักษณะหนึ่งของการบริหาร
ที่เราต้องการชี้ให้เป็นถึงลักษณะที่สำคัญอื่นๆ ของการบริหาร คือ กระบวนการวางแผน
การจัดองค์การ การสั่งการ
และการควบคุมกำลังความพยายามของสมาชิกขององค์การและใช้ทรัพยากรอื่นๆ
เพื่อความสำเร็จในเป้าหมายขององค์การที่กำหนดไว้
ณรงค์
นันทวรรธนะ [23](2536 : 4)
ได้เสนอความหมายของการบริหารว่า เป็นการดำเนินงาน
หรือกระบวนการของบุคคลทั้ง 2 คนขึ้นไปมาร่วมมือ
ร่วมแรง ร่วมใจกันทำงาน
เพื่อที่จะให้งานนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้
ศิริพร พงศ์ศรีโรจน์[24](2537:14)
ได้เสนอว่าการบริหาร คือการดำเนินงานร่วมกันของคณะบุคคล
ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารขององค์การในส่วนที่เกี่ยวกับการวางแผน การจัดตั้งองค์การ
การจัดคนเข้าทำงาน การสั่งการ และการควบคุมกิจกรรม
ให้ดำเนินไปตามนโยบายจนบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การที่วางไว้อย่างประหยัด
และมีประสิทธิภาพที่สุด
Peter F. Drucker[25] กล่าวว่า
การบริหาร คือ ศิลปะในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายร่วมกับผู้อื่น การทำงานต่าง ๆ
ให้ลุล่วงไปโดยอาศัยคนอื่นเป็นผู้ทำภายในสภาพองค์การที่กล่าวนั้น
ทรัพยากรด้านบุคคลจะเป็นทรัพยากรหลักขององค์การที่เข้ามาร่วมกันทำงานในองค์การ
ซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นผู้ใช้ทรัพยากรด้านวัตถุอื่น ๆ เครื่องจักร อุปกรณ์ วัตถุดิบ
เงินทุน รวมทั้งข้อมูลสนเทศต่าง ๆ
เพื่อผลิตสินค้าหรือบริการออกจำหน่ายและตอบสนองความพอใจให้กับสังคม
Harold Koontz [26](อ้างถึงใน สมพงศ์ เกษมสิน,2523:6) ให้ความหมายของการจัดการ
หมายถึง การดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้โดยอาศัยปัจจัยทั้งหลาย ได้แก่
คน เงิน วัสดุสิ่งของ เป็นอุปกรณ์การจัดการนั้น
Koontz กล่าวว่า
การบริหาร คือ ศิลปะในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายร่วมกับผู้อื่น
จากความหมายที่กล่าวมาอาจสรุปได้ว่าการบริหาร คือ
การใช้ศาสตร์และศิลป์ในการเอาทัพยากรการบริหาร (Administrative resources) มาประกอบการตามกระบวนการบริหาร ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
การให้คำนิยามของคำว่า
การบริหารมีอยู่ต่างๆ
กันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การใช้ความคิดเห็นและความเข้าใจที่แตกต่างกัน
ไม่มีคำใดที่เป็นมาตรฐานหรือเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
แต่ละคำก็ให้ความหมายและความเข้าใจแก่ผู้ใช้ในลักษณะเดียวกันเช่น
1. การบริหาร คือ
การใช้ทรัพยากรร่วมกันของทุกคนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
2. การบริหารเป็นกระบวนการที่ทำให้งานสำเร็จลง
โดยการใช้ทรัพยากรบุคคลและวัตถุเข้าด้วยกัน
3. การบริหาร คือ
การวางแผนและการใช้แผนที่วางไว้
4. การบริหาร คือ
การทำให้งานสำเร็จโดยอาศัยการร่วมมือของคนอื่น
5. การบริหาร คือ
พลังที่ดำเนินธุรกิจและรับผิดชอบในความสำเร็จและความล้มเหลวของธุรกิจนั้น
6. การบริหารเป็นงานที่กำหนดแนวทางหรือการสั่งการให้กลุ่มคนได้ทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การนั้น
ตามที่กล่าวมาข้างต้น
“การบริหาร” เป็นสาขาวิชาที่มีการจัดระเบียบให้เป็นระบบของการศึกษา(Systematic
study)หมายถึงการศึกษาค้นคว้าหาหลักการ กฎเกณฑ์
และทฤษฎีที่พึงเชื่อถือได้ เพื่อประโยชน์ในการบริหารงาน
โดยลักษณะเช่นนี้จะเห็นได้ว่า “การบริหาร” มีลักษณะเป็น ศาสตร์ (Science) แต่ถ้าเป็นการบริหารงานที่ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์แล้ว
การบริหารก็จะมีลักษณะเป็น ศิลป์ (Arts)เมื่อการบริหารมีลักษณะที่อาจพิจารณาได้เป็น
2 นัยดังกล่าวแล้วเช่นนี้
การให้นิยามหรือความหมายของการบริหาร
จึงมักมีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละทัศนะและแต่ละแนวศึกษา
[1] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[2] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[3] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[4] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[6] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[8] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[9] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[11] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[12] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[13] อ้างใน วิรัช วิรัชนิภาวรรณ,
[15] อนันต์
เกตุวงศ์,2537,การบริหารการพัฒนา ,กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
[22] สมยศ นาวีการ,2522,การบริหาร,กรุงเทพฯ:บรรณกิจ.
[23] ณรงค์ นันทวรรธนะ,2536,การบริหารงานอุตสาหกรรม,กรุงเทพฯ : ฟิสิกส์เซ็นเตอร์.
[24] ศิริพร พงศ์ศรีโรจน์.2540. องค์การและการจัดการ. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดเทคนิค19.
[26] อ้างถึงใน สมพงศ์ เกษมสิน,2523:6
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
โปรดระบุชื่อ สกุล และ e-mail