ซึ่งนับจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน
กระแสคลื่นการเปลี่ยนแปลงของโลกด้านการเมือง เศรษฐกิจ
และสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงสามศตวรรษที่ผ่านมา
จากสังคมเกษตรเข้าสู่อุตสาหกรรม และเข้าสู่เทคโนโลยีข่าวสารข้อมูลในปัจจุบัน
- ยุคเกษตรกรรม สภาพเศรษฐกิจและสังคมเป็นสังคมแบบดั้งเดิม
การผลิตด้าน การเกษตร เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ พึ่งพาธรรมชาติ
สังคมเรียบง่ายไม่ซับซ้อนเป็นยุคอดีตจนก่อนการ ปฏิวัติอุตสาหกรรม
- ยุคอุตสาหกรรม มีการนำเครื่องจักรไอน้ำมาพัฒนาไปสู่เครื่องจักรกล
มาใช้ เป็นพลังการผลิตแทนแรงงานคน และสัตว์ ก่อให้พลังการผลิตจำนวนมาก (Mass
Production) สภาพสังคมเปลี่ยนไปสู่ การตลาดและการบริโภคนิยม
ก้าวเข้าสู่ความทันสมัย สภาพสังคมซับซ้อน หลากกหลายมากขึ้น
เป็นยุคสามทศวรรษก่อนปัจจุบัน
- ยุคเทคโนโลยีข่าวสารข้อมูล มีการนำระบบคอมพิวเตอร์มาเชื่อมโยงระบบโทรศัพท์
โทรสารติดต่อทั่วโลก
เป็นยุคโลกไร้พรมแดนการติดต่อสื่อสารรวดเร็วเป็นยุคโลกาภิวัฒน์
ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายจนคนในสังคมปรับตัวไม่ทันกับคลื่นการเปลี่ยนแปลงสังคมโลก
(Future Shock) เป็นยุคศตวรรษที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน
ยุคโลกาภิวัฒน์เป็นยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ซึ่งส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์-
โลกไร้พรมแดน - เศรษฐกิจเสรี - ธุรกิจข้ามชาติ - หมู่บ้านโลก
ปรากฏการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขององค์กรจากองค์กรขนาดใหญ่เป็นองค์กรขนาดเล็ก
ลดขั้นตอนการทำงานลดเอกสารที่ใช้ ลดจำนวนบุคลากร มีการแข่งขันขององค์กร
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าวิวัฒนาการทางการบริหาร
การบริหารงานขององค์กรในอดีตจนถึงปัจจุบันมีการปรับ
เปลี่ยนหลักทฤษฎีการบริหารมาตามลำดับ ดังนี้
ยุคก่อนสงครามโลก
ครั้งที่ 2 ทฤษฎีทางการบริหารที่นำมาใช้ คือ ทฤษฎี Adam Smith จัดแบ่งโครงสร้าง
หน้าที่การแบ่งงานกันทำและปรัชญา Big is Beautiful มีองค์กรและการผลิตขนาดใหญ่
ผู้ผลิตเป็นผู้กำหนดตลาดสินค้าและบริการ
ยุคหลังสงครามโลก
ครั้งที่ 2 ทฤษฎีทางการบริหารที่นำมาใช้ คือ ทฤษฎี Kai Zen Demming Philosophy
QC Circle ปรัชญาทางการบริหารมุ่งสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
การควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนการตรวจสอบทุกขั้นตอนการผลิต
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขข้อบกพร่องในการทำงาน ยุคหลังปี คศ. 1980 ทฤษฎีการบริหารงานที่นำมาใช้ คือ Total Quality Management ISO
9000 Business Process Reengineering ปรัชญาการทำงานมุ่งไปสู่การสร้างสรรค์ประสิทธิภาพการทำงานทุกขั้นตอน
การควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการตามมาตรฐานที่กำหนด
การผลิตที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการรื้อปรับระบบการทำงานใหม่ของระบบธุรกิจ
เอกชน แนวคิดการรื้อปรับระบบ (Reengineering) เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีคิด
วิธีทำงานใหม่ ที่ไม่สนใจการทำงานแบบเดิมที่ผ่านมา
เพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและก่อให้เกิดผลงานเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า เพื่อเพิ่มผลผลิตลดเวลา ลดขั้นตอน ลดเอกสาร และลดค่าใช้จ่ายในการทำงาน
ซึ่งระบบธุรกิจเอกชนนำมาใช้ปรับปรุงองค์กรในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและเริ่มต้นนำมาใช้ในระบบราชการ
(Globalization)[1]
แนวทางหรือวิธีการบริหารของหน่วยงานภาครัฐมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามยุคสมัย
และเกิดจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ปัจจัยภายนอก เช่น
กระแสโลกหรืออิทธิพลของประเทศมหาอำนาจที่แพร่กระจายหรือส่งออกแนวทางหรือวิธีการบริหารงาน
โดยส่วนหนึ่งเข้ามาทางวิชาการหรือตำราหนังสือที่นักวิชาการได้รับอิทธิพลหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ
ส่วนปัจจัยภายใน เช่น หัวหน้ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญหรือยึดถือแนวทางหรือวิธีการใด
ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ในสมัยที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้นำคำว่า
"การพัฒนา" มาใช้กันอย่างแพร่หลาย
ขณะที่สมัย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นำคำว่า "การบริหารจัดการ"
มาใช้
แนวทางหรือวิธีการบริหารงานที่หน่วยงานภาครัฐนำมาใช้นั้น
มีวิวัฒนาการพอสรุปได้ว่า ก่อนที่จะใช้คำว่า การบริหารการพัฒนา (Development
administration) มีคำหลายคำที่รัฐบาลได้นำมาใช้ เช่น
-
การบริหารราชการแผ่นดินหรือการบริหารภาครัฐ(Public
administration)
-
การบริหาร (Administration)
-
การพัฒนา (Development)
-
การพัฒนาชุมชน (Community
development)
-
การพัฒนาชนบท (Rural
development)
จากนั้น
จึงมาใช้คำว่า การบริหารการพัฒนา (Development administration) และยังใช้คำอื่น เป็นต้นว่า
-
การพัฒนาแบบยั่งยืน (Sustainable
development)
-
การพัฒนาแบบพอเพียง (Sufficient
development)
-
การพัฒนาแนวพุทธ (Buddhistic
development)
-
การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good
governance)
-
การจัดการ (Management)
-
การบริหารและการจัดการ (Administration
and management)
ในบางรัฐบาล ใช้คำว่า
“การบริหารจัดการ” (Management
Administration) มาใช้อย่างแพร่หลาย และในอนาคต อาจเกิดคำว่า
การบริหารการบริการ (Service Administration) ขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้มีความเห็นว่า ไทยได้ผ่านพ้นสภาพที่เป็นประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศกำลังพัฒนามาแล้ว
และกำลังจะก้าวไปสู่สภาพของประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงก็ตาม
แต่แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนา ยังไม่หมดสิ้นไปได้ เพราะในสภาพความเป็นจริง
ทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยยังคงมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาตราบใดที่การพัฒนายังมีความหมายครอบคลุมถึงการเปลี่ยนไปสู่สภาพที่ดีขึ้น
(Change
for the better) ด้วย
อาจกล่าวได้ว่า
แนวคิดหรือลักษณะสำคัญของแนวทางหรือวิธีการบริหารใด ๆ ก็ตาม
ซึ่งรวมทั้งการบริหารการพัฒนา ไม่อาจกำหนดได้อย่างชัดเจนและตายตัวเหมือนกับการให้ความหมายของคำทั้งหลายในทางสังคมศาสตร์ที่ขึ้นอยู่กับความรู้
ความคิด และประสบการณ์ของนักปรัชญา
ผู้รู้
นักวิชาการ นักกฎหมาย และนักบริหาร แต่ละคน อย่างไรก็ดี
การบริหารการพัฒนามีลักษณะสำคัญ 4 ประการ ดังจะได้กล่าวต่อไป
โดยอาจเรียกว่า การบริหารจัดการ หรือการบริหาร และในอนาคตอาจเรียกเป็นอย่างอื่นได้
แนวคิดบริหารการพัฒนานั้น แพร่หลายอย่างมากในประเทศกำลังพัฒนา
ซึ่งรวมทั้งในเอเชีย
สำหรับประเทศไทยได้นำแนวคิดนี้มาปรับใช้อย่างแพร่หลายในช่วงที่เน้นการพัฒนาประเทศและการพัฒนาชนบท
บทความนี้แบ่งการนำเสนอเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แนวคิดและความหมาย
รวมทั้งความสำคัญของการบริหารการพัฒนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
โปรดระบุชื่อ สกุล และ e-mail